ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องปรับอากาศหรือแอร์คอนดิชั่นเนอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับสภาพอากาศในประเทศไทยของเรา ยิ่งช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนกันแล้ว ปริมาณการใช้งานเครื่องปรับอากาศยิ่งมากขึ้น ทั้งการใช้งานภายในอาคารสำนักงาน บ้าน คอนโดมิเนียม และที่อยู่อาศัยต่างๆ จุดประสงค์เพื่อบรรเทาความร้อน สร้างความเย็นสบายให้แก่ผู้อยู่อาศัย นั่นเอง
ขั้นตอนการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ
1. เลือก BTU หรือขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับการใช้งาน
การทำงานของเครื่องปรับอากาศคือการเปลี่ยนอากาศร้อนให้เป็นอากาศเย็น โดยการนำพาความร้อนภายในห้องออกไปนอกห้อง หมุนเวียนอากาศภายในห้องจนได้อุณภูมิตามที่ตั้งค่าเอาไว้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป และเพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ควรเลือก BTU ให้เหมาะกับขนาดของห้อง ซึ่ง BTU (British Thermal Unit) คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดย 1 ตันความเย็น มีค่าเท่ากับ 12000 BTU/ชั่วโมง ซึ่งแสดงความสามารถของเครื่องปรับอากาศในการนำพาความร้อนออกจากห้องในเวลา 1 ชั่วโมง
โดยทั่วไปขนาดของเครื่องปรับอากาศจะเริ่มตั้งแต่ 9,000 BTU ไปจนถึง 30,000 BTU ดังนี้ :
2. เลือกประเภทเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับการใช้งาน
-
แอร์เคลื่อนที่
เป็นเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้งานตามห้องตามบริเวณต่างๆ ภายในบ้านหรือสำนักงานได้อย่างสะดวก การติดตั้งไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเจาะกำแพง สามารถเสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้เลย แต่มีข้อเสียตรงที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กจึงทำความเย็นได้น้อยกว่าแอร์ปกติ เมื่อเทียบกับจำนวน BTU เท่ากัน และกินไฟมากกว่า เพราะความเย็นสูญเสียไปตามพื้นที่ได้ง่ายกว่า และต้องต่อท่อลมร้อนออกจากห้องรวมถึงท่อน้ำทิ้งด้วย โดยรวมแล้วแอร์เคลื่อนที่จึงเหมาะกับกรณีทีห้องนั้นๆ ไม่สามารถติดตั้งแอร์ปกติได้ หรือการใช้งานแบบชั่วครั้งชั่วคราว
เป็นเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดกะทัดรัด มีดีไซน์ให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ติดตั้งง่าย เงียบกว่าแอร์ประเภทอื่น ราคาไม่แพง ประหยัดพลังงาน และดูแลรักษาง่าย เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น แต่จะไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก เช่น ในร้านอาหาร ในโรงงาน หรือสถานที่ที่มีคนอาศัยอยู่เยอะ เพราะมีคอยล์ขนาดเล็ก จะกระจายความเย็นได้น้อยกว่า และอุดตันสิ่งสกปรกได้ง่ายกว่า
-
แอร์แบบตั้งได้-แขวนได้
เป็นเครื่องปรับอากาศที่สามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งตั้งพื้นหรือแขวน สามารถใช้งานได้หลากหลายสถานที่ กระจายความเย็นได้ไกลกว่าและทนต่อการใช้งานหนักกว่าแบบติดผนัง ระบายลมได้ดี เพราะมีคอยล์และมอเตอร์ขนาดใหญ่ แต่มีรูปแบบให้เลือกไม่มากนัก และมีเสียงดังกว่าแอร์แบบติดผนัง
-
แอร์ตู้ตั้งพื้น
เป็นเครื่องปรับอากาศที่มีกำลังลมแรงและกระจายลมเย็นได้ดีกว่าแอร์ประเภทอื่น ทำความเย็นได้เร็ว สะดวกในการติดตั้ง เหมาะกับการใช้งานหนัก เช่น ในบริเวณที่มีคนอาศัยอยู่เยอะหรือมีคนหนาแน่น ในร้านอาหาร ในโรงงาน ห้องสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง เป็นต้น แต่มีข้อเสียคือ ใช้พื้นที่ในการติดตั้งและมีเสียงดังกว่าแอร์ประเภทอื่น
3. เลือกเครื่องปรับอากาศที่ประหยัดพลังงาน
เลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่ได้รับรองจากกระทรวงพลังงาน เนื่องจากเครื่องปรับอากาศมีอัตราการใช้พลังงานที่แตกต่างกัน เครื่องปรับอากาศที่ประหยัดไฟเบอร์ 5 จะช่วยประหยัดพลังงานมากที่สุด แต่ก็จะมีราคาสูงขึ้นด้วย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อควรเลือกตามความต้องการและให้เหมาะสมกับการใช้งาน
4. เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีการรับประกันและมีบริการหลังการขาย
เมื่อต้องใช้งานเครื่องปรับอากาศมากขึ้น จึงจำเป็นต้องดูแลบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งการดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศนั้นสามารถทำเองได้และทำโดยช่างที่มีความชำนาญ
-
การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศด้วยตัวเอง
ทำได้โดยการถอดแผ่นกรองอากาศ (Filter) มาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าให้สิ่งสกปรกหรือฝุ่นหลุดออกแล้วตากทิ้งไว้ให้แห้ง จึงค่อยใส่กลับคืน ทำเป็นประจำ เดือนละครั้งหรือเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อช่วยในเรื่องการระบายอากาศที่สะอาด
-
การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศโดยช่างผู้ชำนาญ
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ จะมีบริการหลังการขายมาด้วย ทั้งการติดตั้งและการล้างทำความสะอาดโดยช่างผู้ชำนาญ ซึ่งช่างจะมีการถอดชิ้นส่วนบางชิ้น ได้แก่ แผ่นกรองอากาศ , แผงขดท่อคอยล์เย็น , แผงขดท่อระบายความร้อน , ใบพัด และหน้ากากรับ-จ่ายลม เพื่อมาทำความสะอาด แล้วควรทำอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 3-6 เดือน เพื่อให้เครื่องปรับอากาศสามารถนำพาความร้อนออกจากห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พัดลมไอเย็น ตัวเลือกสำหรับการประหยัดพลังงาน
พัดลมไอเย็น ทำงานโดยใช้ระบบ Evaporative Cooling System โดยการดึงความร้อนออกจากอากาศผ่านแผ่นทำความเย็น (Cooling Pad) ทำให้น้ำระเหยออก ส่งผลให้อุณภูมิลดลง พื้นที่โดยรอบเย็นสบายขึ้น โดยไม่มีความชื้นในอากาศเหมือนพัดลมไอน้ำทั่วไป นอกจากเรื่องการช่วยประหยัดพลังงานมากกว่าการใช้เครื่องปรับอากาศแล้ว พัดลมไอเย็น ยังมีข้อดีอีกมาก ได้แก่
-
ช่วยลดอุณภูมิในอากาศลงได้ตั้งแต่ 4 – 10 องศาเซลเซียส
-
สะดวกในการใช้งาน เพียงแค่เติมน้ำ เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย
-
ประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่าเครื่องปรับอากาศเพราะใช้มอเตอร์ตัวเดียว และได้ความเย็นมากกว่าพัดลมทั่วไป
-
บำรุงรักษาง่าย เพียงล้างแผ่นกรองฝุ่น และถ่ายน้ำเป็นระยะๆ
-
ใช้งานได้หลายหลายสถานที่ ทั้งบริเวณพื้นที่เปิดและพื้นที่ปิด
-
ไม่มีละอองน้ำ ไม่ทำให้เหนียวตัวและเปียกชื้น
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศและพัดลมไอเย็น เพื่อเตรียมรับมือกับอากาศร้อนและอุณภูมิที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆในฤดูร้อนนี้ ท่านใดที่กำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะมาช่วยบรรเทาความร้อน สร้างความเย็นสบายให้ที่พักอาศัย ที่นี่ Cdiscount มีทั้งเครื่องปรับอากาศ, พัดลมไอเย็น, พัดติดผนัง, พัดลมปรับระดับ, พัดลมตั้งพื้น หลายรุ่น หลายแบรนด์ ให้ท่านได้เลือกซื้อได้ตามการใช้งานที่ต้องการ ในราคาที่น่าพอใจ พร้อมบอกส่วนลดอย่างชัดเจน ช่วยให้ท่านตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีช่องทางการชำระเงินถึง 3 ช่องทาง ได้แก่ ชำระผ่านทางระบบออนไลน์, ชำระเงินปลายทาง และชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เพื่อให้ท่านสะดวกกับการจ่ายเงิน และยังมีบริการจัดส่งสินค้าที่ถึงที่แบบปลอดภัย 100% อีกด้วย
เลือกซื้อพัดลมและเครื่องปรับอากาศได้ที่ Cdiscount
ขอบคุณรูปภาพ bestserviceair.com , airmongkol.com , ldair.com.au , sylvane.com , cdiscount.co.th , newair.com